วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มาปลูกฝรั่งกิมจูกันเถอะ (guava cultivation in punsiri garden)

      ผมเป็นเกษตรกรคนหนึ่งทำสวนฝรั่งอยู่ที่หมู่บ้านหนองปุ่น ม.15 ต.สองชั้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจูเป็นหลักครับ ปลูกมา 6 ปี แล้ว เริ่มหลงไหลในพืชชนิดนี้เพราะมีความหลากหลายในสายพันธุ์ ปลูกง่าย ทั้งยังเป็นรายได้หลักของชาวบ้านที่นี่ เพราะให้ผลผลิตตลอดปี ปัจจุบันที่สวนเริ่มสะสมพันธุ์ต่างๆ ไว้ 9 พันธุ์ ได้แก่ กิมจู แป้นสีทอง ไร้เมล็ดลูกยาว แป้นไส้แดง แดงสยาม หวานพิรุณ ฝรั่งใบด่าง และฝรั่งขี้นกอีก 2 สายพันธุ์ ฝรั่งขี้นกส่วนใหญ่จะเน้นปลูกไว้เพาะเมล็ดทำต้นตอสำหรับทาบกิ่งครับ
ฝรั่งใบด่าง

ฝรั่ง (Psidium guajava Linn.) 
      แหล่งกำเนิดไม่เป็นที่ยืนยัน ส่วนใหญ่สันนิษฐานว่าอยู่แถบอเมริกากลาง ที่ประเทศไทยเรียกว่า "ฝรั่ง" เนื่องจากชาวต่างชาตินำเข้ามา ประเทศที่ปลูกและส่งออกมากที่สุดอันดับ 1 ของโลกคืออินเดีย ผลิตได้ประมาณปีละ 17,000,000 ตัน อันดับสองคือจีน ผลิตได้ปีละประมาณ 4,000,000 ตัน ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  เนื่องจากรสชาดที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งในเรื่องโภชนาการและสุขภาพ ปัจจุบันเริ่มมีการปลูกอย่างแพร่หลายในแถบภาคตะวันออกเฉียงหนือ เนื่องจากมีสภาพอากาศที่แห้งแล้งทำให้รสชาดของฝรั่งหวานหอมเป็นพิเศษ

พันธุ์ฝรั่ง 
      พันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทยส่วนใหญ่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์มาจากไต้หวัน เวียดนาม และจีน เกษตรกรบางรายนำเมล็ดไปปลูกเกิดการกลายพันธุ์และคัดเลือกต้นที่มีลักษณะที่เด่น ได้พันธุ์ใหม่ๆ มามากมายเนื่องจากฝรั่งเป็นพืชที่กลายพันธุ์ได้ง่าย ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงเป็นกิ่งที่ได้จากการตอนกิ่ง (Air Layering) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้เขียนจะคัดเอาแต่พันธุ์หลักที่ได้ปลูกกันโดยทั่วไปนะครับ
      1.แป้นสีทอง ลักษณะพันธุ์ผลกลม ผิวขรุขระ เนื้อหนา เมล็ดมาก มีกลิ่นแรง เหมาะสำหรับส่งโรงงานหรือแปรรูป เช่น ฝรั่งแช่บ๊วย เป็นต้น ปลูกมากแถบภาคกลางเพราะมีโรงงานแปรรูป
      2.ไร้เมล็ดลูกยาว(seedless guava) ลักษณะพันธุ์ลูกใหญ่ ยาวไม่มีเมล็ด ใส้กรวง ไม่ค่อยออกดอก ลูกไม่ดก เลยไม่ค่อยนิยมปลูกขายผลสด ส่วนใหญ่ปลูกไว้กินเอง 
      3.หวานพิรุณ อันนี้พันธุ์ใหม่ หน้าตาแทบจะเหมือนกับแป้นสีทอง เพราะได้จากการเพาะเมล็ดฝรั่งพันธุ์แป้นสีทอง แล้วทำการคัดเลือกพันธุ์ตามที่ต้องการ รสชาดไม่ทราบครับเพราะยังไม่เคยกิน กิ่งพันธุ์แพงมากครับ กิ่งละร้อยกว่าบาท ตอนนี้ซื้อมาปลูกไว้ที่สวน 20 ต้น คาดว่าปีหน้าคงได้เริ่มตอนกิ่งขาย
      4.แป้นไส้แดง ลักษณะผลขรุขระเล็กน้อย ไส้ในสีแดง กลิ่นหอม เนื้อกรอบหวาน ข้อเสียเก็บไว้ได้ไม่นาน สุกเร็ว เหมาะสำหรับการปลูกเพื่อทำน้ำฝรั่ง

      5.กิมจู ลักษณะพันธุ์ผลไม่กลม มีสันนูน ไม่สมมาตร เมล็ดน้อย เนื้อหนา แน่น กรอบหวานเหมาะแก่การบริโภคผลสด เพราะสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรบ้านหนองปุ่น จากอาชีพเสริมหลังฤดูทำนากลายมาเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่...คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝรั่งไร้เมล็ด แต่อันที่จริงเป็นฝรั่งที่มีเมล็ด แต่สภาพไร้เมล็ด(seedless) เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมน GA(Gibberellic acid) ซึ่งช่วยในการยืดและขยายตัวของเซลล์พืช จะมีมากในช่วงปีแรกของการเจริญเติบโตของต้นฝรั่ง ทำให้ลูกชุดแรกออกมาในลักษณะที่ลูกใหญ่ยาว ไม่มีเมล็ด

     6.ฝรั่งเวียดนาม อันนี้ยังไม่มีขายในบ้านเราครับ ซื้อมาตอนไปเที่ยวเวียดนามเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ครับ มี 2 พันธุ์คือเนื้อสีแดงกับเนื้อสีขาว ลักษณะลูกยาว ผิวไม่เรียบ รูปทรงสมมาตร มีเมล็ดมาก เนื้อไม่แข็ง หวาน สีแดงจะหอมกว่า ถามแม่ค้าว่าชื่อพันธุ์อะไร แม่ค้าก็ตอบแต่ว่า "ฝรั่ง" ก็เลยตั้งชื่อเอาเองว่า Red Vietnam กับ White Vietnam จากที่ได้ชิมแล้ว รสชาดผมคิดว่าไม่อร่อยเท่ากิมจูครับ สาเหตุน่าจะมาจากพื้นที่ปลูก เพราะที่เวียดนามฝนตกตลอดปี ถ้าเจอสภาพอากาศที่ภาคอิสานเราคงจะหวานมากๆ เพราะมีฤดูแล้งที่ยาวนาน ตอนนี้กำลังเพาะเมล็ดเพื่อทดลองปลูกครับ อีกหลายปีคงมีกิ่งพันธุ์จำหน่าย

การปลูก
      ฝรั่งเป็นผลไม้ในเขตร้อน ต้องการแสงแดดที่จัดในการสังเคราะห์แสง ปลูกได้ในดินแทบทุกประเภท ยกเว้นดินเค็มและทรายจัด เหมาะที่สุดคือดินเหนียว ค่า pH ปลูกได้ตั้งแต่ 4.5-8.2 ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 อุณหภูมิประมาณ 15-35 องศาเซลเซียส ซึ่งประเทศไทยปลูกได้ทุกภาคของประเทศ ยกเว้นในพื้นที่ดินเค็ม ระยะปลูกขึ้นอยู่กับพื้นที่และการวางแผนการจัดการของแต่ละสวนครับ บทความนี้จะเน้นรูปแบบที่สวนพันธุ์ศิริของผมเป็นหลักนะครับ...

      1.วางระยะปลูก 2x4 เมตร 1 ไร่จะได้จำนวนต้น = 200 ต้น 
      2.การเตรียมดิน (แบ่งเป็นการเตรียมดินกับการเตรียมหลุม ถ้าเตรียมดินแล้วไม่ต้องเตรียมหลุม ขุดปลูกได้เลย)
           2.1 การเตรียมดิน 
                2.1.1 บำรุงดินด้วยปุ๋ยคอก
                        -หว่านปุ๋ยคอก (ขี้วัว/ขี้ไก่/ขี้หมู/ขี้เป็ด) ให้ทั่วแปลงที่จะปลูก ไถพรวนดินให้ดินกับปุ๋ยคอกผสมกัน ขุดหลุมปลูกได้เลย
                2.1.2 บำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด หว่านเมล็ดปุ๋ยพืชสด เช่น ปอเทือง ถั่วเขียว เป็นต้น เมื่อระยะดอกบาน ไถกลบทิ้งไว้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แล้วค่อยปลูก
           2.2 การเตรียมหลุม(กรณีที่ไม่ได้เตรียมดิน) ขุดหลุมปลูกขนาดกว้างxยาวxลึก 50x50x50 เซนติเมตร ผสมดินที่ขุดขึ้นมากับส่วนผสม ได้แก่ ดิน แกลบดิบ ปุ๋ยคอก สัดส่วน 2-1-1 นำดินที่ผสมแล้วใส่หลุมจนเต็ม 
      3.ฉีกถุงปลูกระวังอย่าให้ดินในถุงแตก
      4.นำต้นฝรั่งลงปลูกกลบดินถ้าหน้าฝนให้ดินพูนขึ้นเป็นหลังเต่าเพื่อไม่ให้น้ำขัง ถ้าหน้าแล้งให้ทำเป็นแอ่งรับน้ำ
      6.ช่วงระยะ 6 เดือนแรก หมั่นรดน้ำทุกวัน เช้า-เย็น
การดูแลหลังปลูก 
      ฝรั่งจะตอบสนองต่อปุ๋ยคอกได้ดีที่สุดคือ ปุ๋ยขี้ไก่ ขี้หมู ซึ่งจะทำให้ต้นฝรั่งแตกกิ่งก้านใบได้ดีมาก เพราะจะมีปุ๋ยไนโตรเจนที่อยู่ในรูปของกรดยูริก (Uric acid) และยูเรีย (Uria) ในปริมาณที่สูงมาก การใส่ปุ๋ยคอกอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตด้าน กิ่ง ก้าน ใบ ของฝรั่งแล้ว ทำให้ประหยัดต้นทุน ซึ่งเมื่อฝรั่งเริ่มให้ผลผลิต เราค่อยใช้ปุ๋ยเคมีร่วมด้วย สูตรที่แนะนำ 15-15-15 และ 5-30-30 พ่นทางใบ จะช่วยให้ผลโตได้น้ำหนัก และมีรสชาดที่หวานกรอบยิ่งขึ้น
การห่อผล
      การห่อผลฝรั่งนั้นสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันแมลงวันผลไม้ได้แล้ว ยังช่วยให้ผลฝรั่งมีผิวที่ขาว สวย เป็นที่นิยมของผู้บริโภคอีกด้วย การห่อผลที่นิยมกันทั่วไปในบ้านเรานั้น จะใช้ถุงพลาสติกขนาด 6x11 นิ้ว ห่อตั้งแต่ขนาดเท่ากับเหรียญ 5 บาท เพราะแมลงวันทองยังไม่มาเจาะวางไข่ ถ้าห่อช้าไปก็จะมีหนอนเจาะผลฝรั่ง ถุงพลาสติกต้องใช้กรรไกรตัดมุมถุงสองข้างๆ ละประมาณ 1 นิ้ว ถ้าหน้าฝนควรตัดตรงกลางถุงด้วย เพื่อระบายน้ำ ถ้าขังผลฝรั่งก็อาจเน่าได้เช่นกัน หลังจากนั้นก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่ออีกชั้นนึงเพื่อป้องกันแสงแดด
      การห่อผลในประเทศไต้หวัน จีน และเวียดนามจะแตกต่างออกไป คือ จะใช้ตาข่ายโฟมห่อในชั้นแรก แล้วใช้ถุงพลาสติกใสห่อทับอีกชั้นนึง

******ิสนใจติดตามได้ทาง*******
https://www.facebook.com/thaiguavafruit
Dtac:089-7179004
True:095-9057229
Line:cowxboy