วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2560

#โรคที่สำคัญมากในฤดูฝน
1.ไส้เดือนฝอยเข้าทำลาย ลักษณะอาการใบจะเหลือง ต้นแคระแกร็น ไม่โตซักที ถอนต้นมาดูจะเห็นปมที่รากเต็มไปหมด #จั่งซี่มันต้องถอน_ถอนแล่วกะปลูกใหม่ อย่าลืมขุดหลุมตากแดดไว้ 1-2 อาทิตย์และรองปูนขาวที่ก้นหลุมด้วยนะครับ...ปล.ท่านที่ปลูกใหม่ช่วงนี้ให้งดรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกนะครับ


2.เชื้อราสาเหตุรากเน่า ถ้าเกิดขึ้นแล้วต้องทำยังไง? ปลูกใหม่โดยชุบน้ำยากันเชื้อรา ส่วนต้นที่เสียหายไปแล้วรักษาไม่ได้ มีแต่ป้องกัน ราสาเหตุโรคพืช มีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว หน้าที่ของเขาคือย่อยซากพืชที่ตายแล้วให้เป็นปุ๋ยคืนสู่ดิน ส่วนใหญ่เชื้อราจะเข้าทำลายเฉพาะใบแก่ที่ใกล้จะร่วง เพราะจะอ่อนแอ ถ้าพืชของเราโดนทำลายแสดงว่าพืชของเราอ่อนแอ สาเหตุที่อ่อนแอมีหลายอย่างครับ ส่วนหนึ่งคือได้รับปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตไม่เพียงพอ คือ 1.น้ำ 2.ธาตุอาหาร 3.สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น ไม่ได้รับแสงแดดเต็มที่, น้ำท่วมขังทำให้รากไม่สามารถแลกเปลี่ยน O2 ได้ ทำให้รากเน่า เมื่อระบบทุกอย่างล้มเหลว ก็อ่อนแอไม่ต่างจากซากสิ่งมีชีวิต ราก็เข้าทำลายเพื่อจะย่อยสลายกลับสู่พื้นดินเพื่อสร้างสมดุลธรรมชาติ #ปล.ภาพตัวอย่างต้นฝรั่งทีถูกเชื้อราเข้าทำลาย โดยมีอาการรากปมจากไส้เดือนฝอยร่วมด้วย สังเกตท่อลำเลียงน้ำ(Xylem) และอาหาร(Phloem) จะเป็นสีดำจากเชื้อราเข้าทำลายจนอุดตันทำให้เกิดอาการเหี่ยวเหมือนขาดน้ำ ค่อยๆ เหี่ยวและตายไปในที่สุด...

#ปลูกฝรั่งไม่ยากครับแต่ต้องเข้าใจ
➡แผนที่สวน http://goo.gl/maps/o9jhc
➡การปลูกและดูแล http://punsiri-garden.blogspot.com/
▶▶▶▶▶สนใจ◀◀◀◀◀
Dtac:089-7179004
True:095-9057229
Line:cowxboy


วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

จากวันนั้นถึงวันนี้บนเส้นทางอาชีพเกษตรกรรม

******อยากเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ทุกท่านฟังครับ เผื่อหลายคนกำลังเริ่ม******
‪#‎แนะนำตัวก่อนนะครับ‬ - ผมชื่อชยุต (ไชยยา) ผมเรียนจบจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี 2546 (AG'36) คณะเกษตรศาสตร์ สาขาพืชไร่ เรียนจบก็ทำงานหลายที่เหมือนกันครับ การทำงานหลายที่สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะทำให้เราได้ประสบการณ์ในการทำงานที่มากกว่าคนอื่น

#‎ที่ไปที่มา‬ - ที่จริงพ่อตาแม่ยายของผมเริ่มปลูกฝรั่ง มาสิบกว่าปีแล้วครับ เริ่มจากปลูกกลมสาลี่ พอเริ่มราคาตกก็เปลี่ยนพันธุ์มาเป็นไร้เมล็ดลูกยาว ราคาดีครับ แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยดก เนื้อแข็ง ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ประมาณปี 2551 จึงเริ่มทดลองปลูกพันธุ์กิมจู ปรากฎว่ารสชาดดี หวานกรอบ เป็นที่นิยมของผู้บริโภค จึงได้เริ่มตอนกิ่งขยายปลูกเพิ่มขึ้น ปัจจุบันปลูกประมาณ 4 ไร่ ใช้แรงงานในครัวเรือนเป็นหลัก
‪#‎ทำไมถึงได้ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร‬ - ตอนนั้นผมทำงานประจำอยู่ หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ วันศุกร์แฟนโทรมาบอกว่า "ไปรับฝรั่งกิมจูมาขายให้แม่หน่อย พ่อค้าสั่งไว้ 100 กก. แล้วเขาไม่มารับ" งานเข้าเลยครับ บอกตรงๆ เลย ชีวิตนี้ผมไม่เคยค้าขายเลย มีแต่รับจ้างหาเงินอย่างเดียว ฝรั่งตั้ง 100 กก. จะเอาไปขายไหนหมด วันเสาร์ผมก็ขับรถไปรับฝรั่งมาขาย ‪#‎แล้วจะเอาไปขายไหน‬? ก็เลยขับไปแถวตลาดวันเสาร์ในตัวจังหวัดสุรินทร์ ก็เดินไปถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นว่ามีพื้นที่ว่างให้วางขายฝรั่งมั๊ยครับ เขาบอกว่ามีคนจองหมดแล้ว ไม่มีที่ว่างหรอก ทั้งๆ ที่ก็เห็นที่ว่างเยอะแยะไปหมด ผมก็เลยขับรถมาวางขายฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่าการจังหวัดสุรินทร์ (คิดอะไรไม่ออกเริ่มที่ศาลากลางก่อนครับ) 

ตอนแรกนึกว่าเจ้าหน้าที่จะมาไล่ พอเขาเห็นเป็นเกษตรกรเลยมาช่วยอุดหนุน 100 กก. ขายหมดภายใน 2 ชม. ดีใจมากเลยครับ มือก็สั่น ก็เลยโทร.บอกแม่ยายว่าต่อไปนี้ไม่ต้องส่งพ่อค้าแล้ว เดี๋ยวผมจะขายเองทุกวันเสาร์ จากนั้นก็ขายทุกวันเสาร์หน้าศาลากลาง ่พอพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเขาเห็นเราขายดี ก็เริ่มเป็นกระแส แกนนำตลาดประมาณ 3-4 คน เข้ามาคุยบอกว่าให้เลิกขายเดี๋ยวจะมีคนมาขายตามๆ กัน เพราะที่ในตลาดเขาเสียเงินค่าเช่า มาคิดดูก็เข้าใจเขานะเหมือนเรามาขายแข่งเขา ‪#‎โชคดี‬ ได้รู้จักลุงเล็ก สามัญ บุญย้อย (เกษตร มข.รุ่น 4) แบ่งพื้นที่ขายในตลาดให้ เลยได้เข้าไปขายในตลาดเขียว อบจ.สุรินทร์ 

หลังจากนั้นก็ขายมาตลอด พอฝรั่งกิมจูเป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักแล้ว เลยทดลองตอนกิ่งมาขาย โดยเริ่มแรกขายกิ่งใหญ่กิ่งละ 50 บาท ซึ่งขายดีมาก เลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำเมื่อต้นปี 2558 มายึดอาชีพ‪#‎เกษตรกร‬ พอดีกับทางสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ รับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมจำหน่ายสินค้าในโครงการ ‪#‎ตลาดเกษตรกร‬ จึงได้เข้าร่วม ซึ่งทำให้ ‪#‎สวนพันธุ์ศิริ‬ มีคนรู้จักมากขึ้น โดยจำหน่ายทุกวันอาทิตย์ที่บริเวณหน้า ‪#‎มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสานวิทยาเขตสุรินทร์‬(‪#‎ตลาดกรีนมอร์‬) ที่ผ่านมาก็ได้รับโอกาศในการขายของในงาน ‪#‎วันเกษตรแห่งชาติปี‬ 2558 และล่าสุดก็ ‪#‎มหัสจรรย์งานช้างจังหวัดสุรินทร์‬ ปี 2558 ซึ่งทางสวนพันธุ์ศิริก็ขอขอบพระคุณเป็นพิเศษ ไปยังท่านนพรัตน์ พงษ์กิตติโชติ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ ท่านธกฤต แสงหิรัญ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ และคุณวราภรณ์ โพธิ์งาม พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอดครับ....สุดท้ายไม่ลืมที่จะขอบคุณคณะครูบาอาจารย์คณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ประสิทธิประสาทวิชาให้ลูกศิษย์ชั้นปลายแถวผู้นี้ ได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา เพื่อประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้...
   

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

การตัดแต่งกิ่งฝรั่งกิมจู(Pruning guava plant)

      การตัดแต่งกิ่งฝรั่งให้อยู่ในรูปแบบที่ดีนั้น จะช่วยให้ง่ายต่อการจัดการสวนฝรั่ง ทั้งเรื่องการพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ห่อผล ตลอดจนการเก็บเกี่ยว ซึ่งต้องทำการตัดแต่งกิ่งปีละครั้ง เพื่อให้ต้นฝรั่งสร้างกิ่งใหม่ และเร่งตาดอกให้ออกพร้อมกัน ทำให้ง่ายต่อการห่อผลและคำนวณวันเก็บเกี่ยว
      เมื่อต้นฝรั่งที่ปลูกมีอายุประมาณ 4-6 เดือน กิ่งก้านก็จะเริ่มแตกแขนงออกมาเป็นพุ่มหนาทึบ ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่ดี เพราะเราต้องเข้าใจหลักพื้นฐานทางสรีรวิทยาเบื้องต้นของพืชคือ 1.อาหารของพืชได้จากการสังเคราะห์แสง ดังนั้นใบที่ไม่ได้รับแสงก็ไม่ได้สร้างอาหาร แต่จะกินอาหารอย่างเดียว 2.ยิ่งตัดยิ่งได้ คือ ยิ่งตัดกิ่ง ตาดอกก็ยิ่งออกมากเป็นการเร่งตาดอกทำให้โอกาสติดผลสูงขึ้นด้วย ปัจจุบันการเลี้ยงกิ่งแบบก้างปลาเป็นที่นิยมที่สุด เนื่องจากจะทำให้ได้ทรงพุ่มที่โปร่งและใบฝรั่งได้รับแสงแดดอย่างทั่วถึง
รูปแบบการจัดทรงพุ่มแบบก้างปลา(Fishbone tree-forming)
ประเภทของการตัดแต่งกิ่ง(Type of pruning)
1.การตัดแต่งเพื่อทำลายกิ่ง(Pruning for loss branching) เป็นการตัดเพื่อทำลายกิ่งที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น กิ่งที่ไม่ได้รับแสงแดด หรือกิ่งที่ไม่สมบูรณ์เป็นต้น การตัดต้องตัดให้ชิดโคนกิ่ง เพื่อไม่ให้มีการแตกแขนงออกมาอีก
2.การตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ได้ผลผลิต(Pruning for Production) แบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้
      2.1 ตัดแต่งกิ่งแบบปกติ(Regular pruning) จะทำการตัดแต่งปีละครั้ง เพื่อเร่งตาดอกให้ออกพร้อมๆ กัน ทำให้ง่ายต่อการห่อผลและนับวันเก็บเกี่ยว การตัดจะตัดเฉพาะกิ่งแขนงที่ยื่นออกมาจากกิ่งหลัก ซึ่งหลังจากตัดกิ่งนับไปอีกแล้วประมาณ 3-4 เดือน ก็จะได้เก็บเกี่ยวผลผลิต ดังนั้นฝรั่งจะให้ผลผลิตประมาณ 3 รอบการผลิต ต่อปี จะให้ออกรอบละเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับการแบ่งส่วนแปลงของเรา เช่น ปลูกฝรั่ง 4 ไร่ ต้องการให้ทะยอยเก็บทั้งปีเพราะจะได้ไม่ล้นตลาด ก็ทะยอยตัดแต่งกิ่งทีละ 1 ไร่ ห่างกัน 1-2 เดือน ก็จะได้เก็บผลผลิตขายทั้งปี
      2.2 ตัดแต่งกิ่งแบบปานกลาง(Medium pruning) เมื่อต้นฝรั่งเข้าปีที่ 3 จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงคือ ต้นจะโทรม ผลจะเล็กแม้ใส่ปุ๋ยมากแค่ไหนก็ไม่ตอบสนอง เพราะฝรั่งจะให้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้ ตาดอกต้องออกจากกิ่งที่อ่อนเท่านั้น จึงจำเป็นต้องตัดทำลายกิ่งแก่ออกให้มากหน่อย 
       2.3 ตัดแต่งกิ่งเพื่อทำสาว(Hard pruning) ใช้ในฝรั่งอายุประมาณ 7-10 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีกิ่งใหม่ที่สมบูรณ์งอกมาแทนกิ่งแก่ หรือเรียกว่า "การทำสาว" เมื่อกิ่งใหม่งอกออกมาเราก็ให้น้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ย เหมือนปลูกใหม่ ก็จะทำใหเรายืดอายุของต้นฝรั่งไปได้อีกหลายปี โดยไม่ต้องรื้อปลูกใหม่
เทคนิคในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชแบบไม่ใช้สารเคมี
      หลายท่านถามว่าทั้งเพลี้ยทั้งแมลงกินใบระบาดทำไงดีโดยไม่ต้องใช้สารกำจัดแมลงศัตรูพืช? คล้ายๆ กันครับ ถามว่า ‪#‎ถ้าเราเป็นเหาเต็มหัว‬ ทำไงดีโดยไม้ใช้ยา? 
      ตอบ ‪#‎ตัดผมสิครับ‬ การระบาดของแมลงศัตรูพืชตามธรรมชาตินั้นแสดงให้เห็นว่ามีปัจจัยที่เหมาะสมต่อการขยายพันธุ์ของแมลงเหล่านั้น ได้แก่ 1.อาหารมีมากพอ 2.สภาพแวดล้อมเหมาะสม ดังนั้นเราต้องทำให้อาหารของแมลงน้อยลง และทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะแก่การขยายพันธุ์ของแมลง โดยการตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง ไม่ต้องเสียดาย ให้กิ่งแดดส่องถึงทุกกิ่ง  ‪#‎นิสัยส่วนใหญ่ของแมลงผู้ร้ายมักจะชอบหลบซ่อน‬ ดังนั้นเมื่อเราตัดแต่งกิ่งให้โปร่งผู้ร้ายก็จะหนีไปเอง ‪#‎แถมเทคนิคอีกนิด‬ ดอกฝรั่งกิมจูจะออกดกมาก เรียกว่าฝรั่งพวงก็ได้ ดังนั้นการตัดแต่งกิ่งก็สำคัญ การเลือกดอกควรเลือกดอกคู่ล่าง เพราะจะมีขนาดผลที่ใหญ่กว่าดอกที่ปลายยอด...ลองดูครับ
******ิสนใจติดตามได้ทาง*******
https://www.facebook.com/thaiguavafruit
Dtac:089-7179004
True:095-9057229
Line:cowxboy

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

ปลูกฝรั่งกิมจู...บนต้นฝรั่งกิมจู?(Guava planting on guava plant?)

ปลูกฝรั่งกิมจูบนต้นฝรั่งกิมจู‬ 
      หลายท่านคงประสบปัญหาการตอนกิ่งฝรั่งกิมจูที่เมื่อออกรากแล้ว พอตัดมาชำกว่าจะตั้งตัวได้ใช้เวลาหลายเดือน หรือส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยรอด วันนี้ทางสวนเราขอนำเสนอวิธีการปลูกฝรั่งกิมจู...บนต้นฝรั่งกิมจูครับ...ทำอย่างไร?
      1.เลือกกิ่งที่มีทรงพุ่มสวยงาม ควั่นกิ่ง ลอกเปลือกออก ขูดเนื้อเยื่อเจริญออกให้หมด
      2.ทาน้ำยาเร่งราก
      3.หุ้มแผลด้วยดินเหนียวผสมแกลบเผาเพื่อป้องกันเชื้อรา
      4.นำกาบมะพร้าวที่ทุบแล้วแช่น้ำให้ชุ่มมาหุ้มรอบดินเหนียว...

      5.ใส่ขุยมะพร้าวในกาบมะพร้าว
      6.มัดตุ้มให้แน่น
      7.ใส่กระถางพลาสติกครอบใต้ตุ้มตอน ใช้ลวดมัดยึดกับต้นฝรั่งให้แน่น
      8.ใส่ดินปลูก(ดินเหนียวผสมขี้เถ้าแกลบผสมแกลบเก่า)

      9.คลุมหน้ากระถางด้วยเศษฟางหรือหญ้าแห้งเพื่อรักษาความชื้น รดน้ำทุกวัน จนกว่ารากสีขาวเต็มกระถาง (ประมาณ 2-3 เดือน) ค่อยตัดไปเปลี่ยนกระถางให้ใหญ่ขึ้น...
ผลที่ได้ครับ 
      หลังจากผ่านไปสองเดือนครึ่ง (จนลืมไปเลย...555) อันที่จริงเดือนเดียวก็น่าจะเพียงพอ แต่ผมลืม เพราะช่วงฝนกิจกรรมเยอะจริงๆ ครับ เริ่มตั้งแต่ตัดหญ้าสวนฝรั่ง(รกมาก) ตัดแต่งกิ่งฝรั่ง(เร่งตาดอก) ใส่ปุ๋ยขี้ไก่ สูบน้ำใส่ฝรั่งช่วงฝนทิ้งช่วง(แล้งมาก เกือบตายไม่มีชลประทาน มีแต่น้ำบ่อกับน้ำบาดาล)  
      อันดับแรกใช้เลื่อยตัดเลยครับ แกะกระถางเล็กออกจะเห็นรากเต็มกระถาง เปลี่ยนเป็นกระถางใหญ่ขึ้น รดน้ำ เป็นอันเสร็จพิธีครับ


*****สวยงามมากครับ*****
      ต้นฝรั่งขนาดใหญ่เท่านี้ ปกติใช้เวลาปลูกประมาณ 1 ปี ขึ้นไปครับ แต่วิธีนี้ใช้เวลาแค่ 2 เดือนครับ เอาไว้ปลูกซ่อมหรือขายก็ได้นะครับ ขนาดนี้ต้นละประมาณ 500 บาท ขึ้นไปครับ
******ิสนใจติดตามได้ทาง*******
https://www.facebook.com/thaiguavafruit
Dtac:089-7179004
True:095-9057229
Line:cowxboy

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

มาปลูกฝรั่งกิมจูกันเถอะ (guava cultivation in punsiri garden)

      ผมเป็นเกษตรกรคนหนึ่งทำสวนฝรั่งอยู่ที่หมู่บ้านหนองปุ่น ม.15 ต.สองชั้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ปลูกฝรั่งพันธุ์กิมจูเป็นหลักครับ ปลูกมา 6 ปี แล้ว เริ่มหลงไหลในพืชชนิดนี้เพราะมีความหลากหลายในสายพันธุ์ ปลูกง่าย ทั้งยังเป็นรายได้หลักของชาวบ้านที่นี่ เพราะให้ผลผลิตตลอดปี ปัจจุบันที่สวนเริ่มสะสมพันธุ์ต่างๆ ไว้ 9 พันธุ์ ได้แก่ กิมจู แป้นสีทอง ไร้เมล็ดลูกยาว แป้นไส้แดง แดงสยาม หวานพิรุณ ฝรั่งใบด่าง และฝรั่งขี้นกอีก 2 สายพันธุ์ ฝรั่งขี้นกส่วนใหญ่จะเน้นปลูกไว้เพาะเมล็ดทำต้นตอสำหรับทาบกิ่งครับ
ฝรั่งใบด่าง

ฝรั่ง (Psidium guajava Linn.) 
      แหล่งกำเนิดไม่เป็นที่ยืนยัน ส่วนใหญ่สันนิษฐานว่าอยู่แถบอเมริกากลาง ที่ประเทศไทยเรียกว่า "ฝรั่ง" เนื่องจากชาวต่างชาตินำเข้ามา ประเทศที่ปลูกและส่งออกมากที่สุดอันดับ 1 ของโลกคืออินเดีย ผลิตได้ประมาณปีละ 17,000,000 ตัน อันดับสองคือจีน ผลิตได้ปีละประมาณ 4,000,000 ตัน ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  เนื่องจากรสชาดที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งในเรื่องโภชนาการและสุขภาพ ปัจจุบันเริ่มมีการปลูกอย่างแพร่หลายในแถบภาคตะวันออกเฉียงหนือ เนื่องจากมีสภาพอากาศที่แห้งแล้งทำให้รสชาดของฝรั่งหวานหอมเป็นพิเศษ

พันธุ์ฝรั่ง 
      พันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทยส่วนใหญ่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์มาจากไต้หวัน เวียดนาม และจีน เกษตรกรบางรายนำเมล็ดไปปลูกเกิดการกลายพันธุ์และคัดเลือกต้นที่มีลักษณะที่เด่น ได้พันธุ์ใหม่ๆ มามากมายเนื่องจากฝรั่งเป็นพืชที่กลายพันธุ์ได้ง่าย ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงเป็นกิ่งที่ได้จากการตอนกิ่ง (Air Layering) เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้เขียนจะคัดเอาแต่พันธุ์หลักที่ได้ปลูกกันโดยทั่วไปนะครับ
      1.แป้นสีทอง ลักษณะพันธุ์ผลกลม ผิวขรุขระ เนื้อหนา เมล็ดมาก มีกลิ่นแรง เหมาะสำหรับส่งโรงงานหรือแปรรูป เช่น ฝรั่งแช่บ๊วย เป็นต้น ปลูกมากแถบภาคกลางเพราะมีโรงงานแปรรูป
      2.ไร้เมล็ดลูกยาว(seedless guava) ลักษณะพันธุ์ลูกใหญ่ ยาวไม่มีเมล็ด ใส้กรวง ไม่ค่อยออกดอก ลูกไม่ดก เลยไม่ค่อยนิยมปลูกขายผลสด ส่วนใหญ่ปลูกไว้กินเอง 
      3.หวานพิรุณ อันนี้พันธุ์ใหม่ หน้าตาแทบจะเหมือนกับแป้นสีทอง เพราะได้จากการเพาะเมล็ดฝรั่งพันธุ์แป้นสีทอง แล้วทำการคัดเลือกพันธุ์ตามที่ต้องการ รสชาดไม่ทราบครับเพราะยังไม่เคยกิน กิ่งพันธุ์แพงมากครับ กิ่งละร้อยกว่าบาท ตอนนี้ซื้อมาปลูกไว้ที่สวน 20 ต้น คาดว่าปีหน้าคงได้เริ่มตอนกิ่งขาย
      4.แป้นไส้แดง ลักษณะผลขรุขระเล็กน้อย ไส้ในสีแดง กลิ่นหอม เนื้อกรอบหวาน ข้อเสียเก็บไว้ได้ไม่นาน สุกเร็ว เหมาะสำหรับการปลูกเพื่อทำน้ำฝรั่ง

      5.กิมจู ลักษณะพันธุ์ผลไม่กลม มีสันนูน ไม่สมมาตร เมล็ดน้อย เนื้อหนา แน่น กรอบหวานเหมาะแก่การบริโภคผลสด เพราะสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรบ้านหนองปุ่น จากอาชีพเสริมหลังฤดูทำนากลายมาเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่...คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นฝรั่งไร้เมล็ด แต่อันที่จริงเป็นฝรั่งที่มีเมล็ด แต่สภาพไร้เมล็ด(seedless) เกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมน GA(Gibberellic acid) ซึ่งช่วยในการยืดและขยายตัวของเซลล์พืช จะมีมากในช่วงปีแรกของการเจริญเติบโตของต้นฝรั่ง ทำให้ลูกชุดแรกออกมาในลักษณะที่ลูกใหญ่ยาว ไม่มีเมล็ด

     6.ฝรั่งเวียดนาม อันนี้ยังไม่มีขายในบ้านเราครับ ซื้อมาตอนไปเที่ยวเวียดนามเมื่อเดือนธันวาคม 2558 ครับ มี 2 พันธุ์คือเนื้อสีแดงกับเนื้อสีขาว ลักษณะลูกยาว ผิวไม่เรียบ รูปทรงสมมาตร มีเมล็ดมาก เนื้อไม่แข็ง หวาน สีแดงจะหอมกว่า ถามแม่ค้าว่าชื่อพันธุ์อะไร แม่ค้าก็ตอบแต่ว่า "ฝรั่ง" ก็เลยตั้งชื่อเอาเองว่า Red Vietnam กับ White Vietnam จากที่ได้ชิมแล้ว รสชาดผมคิดว่าไม่อร่อยเท่ากิมจูครับ สาเหตุน่าจะมาจากพื้นที่ปลูก เพราะที่เวียดนามฝนตกตลอดปี ถ้าเจอสภาพอากาศที่ภาคอิสานเราคงจะหวานมากๆ เพราะมีฤดูแล้งที่ยาวนาน ตอนนี้กำลังเพาะเมล็ดเพื่อทดลองปลูกครับ อีกหลายปีคงมีกิ่งพันธุ์จำหน่าย

การปลูก
      ฝรั่งเป็นผลไม้ในเขตร้อน ต้องการแสงแดดที่จัดในการสังเคราะห์แสง ปลูกได้ในดินแทบทุกประเภท ยกเว้นดินเค็มและทรายจัด เหมาะที่สุดคือดินเหนียว ค่า pH ปลูกได้ตั้งแต่ 4.5-8.2 ที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 อุณหภูมิประมาณ 15-35 องศาเซลเซียส ซึ่งประเทศไทยปลูกได้ทุกภาคของประเทศ ยกเว้นในพื้นที่ดินเค็ม ระยะปลูกขึ้นอยู่กับพื้นที่และการวางแผนการจัดการของแต่ละสวนครับ บทความนี้จะเน้นรูปแบบที่สวนพันธุ์ศิริของผมเป็นหลักนะครับ...

      1.วางระยะปลูก 2x4 เมตร 1 ไร่จะได้จำนวนต้น = 200 ต้น 
      2.การเตรียมดิน (แบ่งเป็นการเตรียมดินกับการเตรียมหลุม ถ้าเตรียมดินแล้วไม่ต้องเตรียมหลุม ขุดปลูกได้เลย)
           2.1 การเตรียมดิน 
                2.1.1 บำรุงดินด้วยปุ๋ยคอก
                        -หว่านปุ๋ยคอก (ขี้วัว/ขี้ไก่/ขี้หมู/ขี้เป็ด) ให้ทั่วแปลงที่จะปลูก ไถพรวนดินให้ดินกับปุ๋ยคอกผสมกัน ขุดหลุมปลูกได้เลย
                2.1.2 บำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด หว่านเมล็ดปุ๋ยพืชสด เช่น ปอเทือง ถั่วเขียว เป็นต้น เมื่อระยะดอกบาน ไถกลบทิ้งไว้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แล้วค่อยปลูก
           2.2 การเตรียมหลุม(กรณีที่ไม่ได้เตรียมดิน) ขุดหลุมปลูกขนาดกว้างxยาวxลึก 50x50x50 เซนติเมตร ผสมดินที่ขุดขึ้นมากับส่วนผสม ได้แก่ ดิน แกลบดิบ ปุ๋ยคอก สัดส่วน 2-1-1 นำดินที่ผสมแล้วใส่หลุมจนเต็ม 
      3.ฉีกถุงปลูกระวังอย่าให้ดินในถุงแตก
      4.นำต้นฝรั่งลงปลูกกลบดินถ้าหน้าฝนให้ดินพูนขึ้นเป็นหลังเต่าเพื่อไม่ให้น้ำขัง ถ้าหน้าแล้งให้ทำเป็นแอ่งรับน้ำ
      6.ช่วงระยะ 6 เดือนแรก หมั่นรดน้ำทุกวัน เช้า-เย็น
การดูแลหลังปลูก 
      ฝรั่งจะตอบสนองต่อปุ๋ยคอกได้ดีที่สุดคือ ปุ๋ยขี้ไก่ ขี้หมู ซึ่งจะทำให้ต้นฝรั่งแตกกิ่งก้านใบได้ดีมาก เพราะจะมีปุ๋ยไนโตรเจนที่อยู่ในรูปของกรดยูริก (Uric acid) และยูเรีย (Uria) ในปริมาณที่สูงมาก การใส่ปุ๋ยคอกอย่างสม่ำเสมอก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตด้าน กิ่ง ก้าน ใบ ของฝรั่งแล้ว ทำให้ประหยัดต้นทุน ซึ่งเมื่อฝรั่งเริ่มให้ผลผลิต เราค่อยใช้ปุ๋ยเคมีร่วมด้วย สูตรที่แนะนำ 15-15-15 และ 5-30-30 พ่นทางใบ จะช่วยให้ผลโตได้น้ำหนัก และมีรสชาดที่หวานกรอบยิ่งขึ้น
การห่อผล
      การห่อผลฝรั่งนั้นสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันแมลงวันผลไม้ได้แล้ว ยังช่วยให้ผลฝรั่งมีผิวที่ขาว สวย เป็นที่นิยมของผู้บริโภคอีกด้วย การห่อผลที่นิยมกันทั่วไปในบ้านเรานั้น จะใช้ถุงพลาสติกขนาด 6x11 นิ้ว ห่อตั้งแต่ขนาดเท่ากับเหรียญ 5 บาท เพราะแมลงวันทองยังไม่มาเจาะวางไข่ ถ้าห่อช้าไปก็จะมีหนอนเจาะผลฝรั่ง ถุงพลาสติกต้องใช้กรรไกรตัดมุมถุงสองข้างๆ ละประมาณ 1 นิ้ว ถ้าหน้าฝนควรตัดตรงกลางถุงด้วย เพื่อระบายน้ำ ถ้าขังผลฝรั่งก็อาจเน่าได้เช่นกัน หลังจากนั้นก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่ออีกชั้นนึงเพื่อป้องกันแสงแดด
      การห่อผลในประเทศไต้หวัน จีน และเวียดนามจะแตกต่างออกไป คือ จะใช้ตาข่ายโฟมห่อในชั้นแรก แล้วใช้ถุงพลาสติกใสห่อทับอีกชั้นนึง

******ิสนใจติดตามได้ทาง*******
https://www.facebook.com/thaiguavafruit
Dtac:089-7179004
True:095-9057229
Line:cowxboy